วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Give & Get ยิ่งให้ ยิ่งได้ ด้วยการ "บริจาคโลหิต"


บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต


การบริจาคโลหิต ไม่ได้เพียงแต่เป็นการทำบุญเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำสิ่งดีๆ ให้กับร่างกาย และสุขภาพของตัวเราเองอีกด้วย 

มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ไว้ใน American Journal of Epidemiology พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่บริจาคโลหิตเป็นประจำอย่างน้องปีละหนึ่งครั้ง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลันน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้บริจาคโลหิตถึง 88 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว
และยังพบว่าการบริจาคเลือดเป็นการลดปริมาณธาตุเหล็กส่วนเกินในร่างกาย หากธาตุเหล็กในร่างกายมีมากเกินไปจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระได้ (อนุมูลอิสระที่สะสมเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้แก่เร็ว) ดังนั้นการบริจาคโลหิตเป็นการลดอนุมูลอิสระ และช่วยชลอวัยด้วยค่ะ

การบริจาคโลหิตยังช่วยกระตุ้นให้ไขกระดูกทำงานดีขึ้น ทำให้ร่างกายได้ผลิตเม็ดโลหิตใหม่ ซึ่งมีความแข็งแรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่า สามารถลำเลียงออกซิเจนได้เต็มที่ มีเม็ดโลหิตขาวที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ขณะที่เกล็ดโลหิตก็จะช่วยซ่อมแซมรอยฉีกขาดในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต

คุณสมบัติผู้บริจาคโลหิต
1. มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
2. อายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ ( ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี)
3. มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบายหรือรับประทานยาใดๆ
4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด
5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์หรือ ให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา

การเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
-นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อเนื่อง ในเวลาปกติคืนก่อนวันบริจาค
-รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กเพิ่ม
-รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากจะทำให้สีของพลาสมาผิดปกติเป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้
-ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
-งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาค
-งดสูบบุหรี่ ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต

ขณะบริจาคโลหิต
-สวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว
-เลือกแขนข้างที่เส้นโลหิตดำใหญ่ชัดเจน ที่สามารถให้โลหิตไหลลงถุงได้ดี ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะ ไม่มีผื่นคัน หรือรอยเขียวช้ำ ถ้าแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า
-ทำตัวตามสบาย อย่ากลัว หรือวิตกกังวล
-ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง หรืออมลูกอมขณะบริจาคโลหิต
-ขณะบริจาคควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้โลหิตไหลได้สะดวก หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ต้องรีบแจ้งให้พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้นทราบทันที
-หลังบริจาคโลหิตเสร็จเรียบร้อย ห้ามลุกทันที ให้นอนพักสักครู่จนกระทั่งรู้สึกสบายดี จึงลุกไปดื่มน้ำ และรับประทานอาหารว่างที่จัดไว้รับรอง

บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต

หลังบริจาคโลหิต
-ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1-2 วัน
-หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมากๆ งดใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ รวมถึงการหิ้วของหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายหลังการบริจาคโลหิต
-ถ้ามีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม หรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบนั่งก้มศีรษะต่ำระหว่างเข่า หรือนอนราบยกเท้าสูงจนกระทั่งมีอาการปกติจึงลุกขึ้น และเดินทางกลับ ป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม
-ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล อย่าตกใจ ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อส กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคโลหิตเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
-ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานปีนป่ายที่สูง หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน
-รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง และยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละอย่างน้อย 1 เม็ด จนหมด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก

บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต

การบริจาคโลหิตเนี่ย มีข้อดีมากมายเลยใช่มั้ยหล่ะคะ.. นอกจากจะได้บุญกุศลจากการบริจาคแล้ว ยังเกิดผลดีต่อตัวเราเองอีก ด้วย..Shine On (ไชน-ออน) หวังว่าทุกคนจะช่วยกันบริจาคโลหิตให้มากยิ่งขึ้นนะคะ ^-^  Have a Good Day*

บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต

บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต
บริจาคโลหิต


ที่มา:  shineon.in.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น